บทความนี้จะแนะนำ วิธีติดตั้ง Redis Cache บน WordPress ด้วยตัวเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการโหลดเว็บไซต์ของคุณ ด้วยการใช้ระบบแคชที่รวดเร็วและทรงพลังอย่าง Redis บนเว็บไซต์ WordPress ของคุณ
สำหรับคนที่ไม่รู้จักกับ Redis Cache
Redis เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ In-Memory ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้เป็นแคช เพราะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้เร็วกว่าเมื่อเทียบกับการดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลทั่วไป การใช้งานร่วมกับ WordPress ช่วยลดเวลาการโหลดหน้าเว็บไซต์ ทำให้ผู้เข้าชมได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น หรือเรียกใช้งานได้รวดเร็ว

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเริ่ม
- เว็บไซต์ WordPress ติดตั้งเรียบร้อย
- การเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์
- เซิร์ฟเวอร์ที่รองรับ Redis (เช่น ssdhosting.in.th)
ก่อนที่จะติดตั้งปลั๊กอินให้ใส่ค่านี้ลงไปในไฟล์ wp-config.php ผ่าน control panel ที่ใช้งานก่อนเช่น DirectAdmin โดยให้เปลี่ยน ‘example’ เป็นค่า Cache Key โดยใส่เป็นตัวเลขหรืออักษรแบบสุ่มได้
define( 'WP_CACHE_KEY_SALT', 'example' );
define( 'WP_REDIS_SELECTIVE_FLUSH', true);
ตัวอย่างเช่น
define( 'WP_CACHE_KEY_SALT', 'ZXhhbXBsZQ==' );
define( 'WP_REDIS_SELECTIVE_FLUSH', true);
ติดตั้ง Redis ให้ใช้งานร่วมกับ WordPress

1. ติดตั้งปลั๊กอิน Redis Object Cache
- เข้าไปที่แดชบอร์ด WordPress > เมนู ปลั๊กอิน
- ค้นหา Redis Object Cache ใน WordPress Plugin Directory
- คลิก ติดตั้ง และ เปิดใช้งาน

2. เปิดใช้งาน Object Cache
- ไปที่เมนู Settings > Redis
- คลิกปุ่ม Enable Object Cache

การติดตั้ง Redis Cache บน WordPress ไม่เพียงช่วยเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ แต่ยังช่วยลดภาระการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เว็บไซต์เสถียรยิ่งขึ้น ด้วยขั้นตอนง่ายๆ ข้างต้น คุณสามารถติดตั้งและใช้งาน Redis Cache ได้ด้วยตัวเอง