SSDHosting.in.th

5 Plugins Cache

5 Plugins Cache ที่เราแนะนำสำหรับ WordPress

การเพิ่มความเร็วเว็บไซต์ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้และอันดับ SEO ของเว็บไซต์ WordPress ของคุณ การใช้ Cache Plugins เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการลดเวลาโหลดหน้าเว็บ โดยการเก็บข้อมูลบางส่วนไว้ในหน่วยความจำของเซิร์ฟเวอร์หรือลูกค้า

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับแคช (Cache) พื้นฐานก่อนว่าทำหน้าที่หรือมีบทความการทำงานอย่างไรที่ช่วยให้เว็บไซต์ดีขึ้นอย่างไรบ้าง

Cache คืออะไร

Cache คือ เทคนิคในการจัดเก็บข้อมูลชั่วคราวที่มีการเรียกใช้งานบ่อยๆ ไว้ในหน่วยความจำที่สามารถเข้าถึงได้รวดเร็ว เช่น RAM หรือพื้นที่จัดเก็บอื่นๆ ที่มีความเร็วสูง โดยข้อมูลที่ถูกเก็บในแคชจะช่วยให้ระบบหรืออุปกรณ์สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้เร็วกว่าเดิม แทนที่จะต้องดึงข้อมูลใหม่ทุกครั้งจากแหล่งต้นทาง เช่น ฐานข้อมูลหรือเซิร์ฟเวอร์

5 ปลั๊กอินแคชที่แนะนำสำหรับติดตั้งในเว็บไซต์ WordPress

1. WP Rocket

เป็นหนึ่งใน Cache Plugins ที่ดีที่สุดสำหรับ WordPress ด้วยฟีเจอร์ที่ครบครันและการตั้งค่าที่ง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น

จุดเด่น

  • เปิดใช้งาน Page Caching อัตโนมัติ
  • รองรับการบีบอัด Gzip
  • ปรับแต่ง CSS และ JavaScript ให้มีขนาดเล็กลง
  • รองรับ Lazy Loading สำหรับรูปภาพและวิดีโอ
  • ตั้งค่าการเชื่อมต่อกับ CDN ได้อย่างง่ายดาย

เหมาะสำหรับ

  • ผู้ที่ต้องการปลั๊กอินที่ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์ครบถ้วนในตัว

ราคา – เป็นปลั๊กอินแบบเสียเงิน เริ่มต้นที่ $59 ต่อปี

2. W3 Total Cache

เป็นปลั๊กอินฟรีที่มีความสามารถในการปรับแต่งขั้นสูงและเหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการการจัดการ Cache ที่ซับซ้อน

จุดเด่น

  • รองรับการจัดการ Page Cache และ Database Cache
  • การบีบอัด HTML, CSS และ JavaScript
  • เชื่อมต่อกับ CDN และ Object Caching
  • รองรับการใช้งานกับเว็บไซต์ที่ใช้โครงสร้างหลายเซิร์ฟเวอร์

เหมาะสำหรับ

  • ผู้ใช้ระดับมืออาชีพที่ต้องการปรับแต่ง Cache ในระดับลึก

ราคา – มีเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชัน Pro เริ่มต้นที่ $99 ต่อปี

3. LiteSpeed Cache

เป็นปลั๊กอินฟรีที่ทำงานได้อย่างดีเยี่ยมบนเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับ LiteSpeed โดยมีความสามารถที่หลากหลายและประสิทธิภาพสูง

จุดเด่น

  • รองรับการบีบอัด Brotli และ Gzip
  • ระบบ Image Optimization เพื่อลดขนาดไฟล์ภาพ
  • รองรับการใช้งานกับ WooCommerce
  • ระบบ Edge Side Includes (ESI) สำหรับการแคชเฉพาะบางส่วนของหน้าเว็บ

ราคา – สามารถใช้งานได้ฟรี

4. Redis Object Cache

เครื่องมือที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่ใช้ฐานข้อมูลอย่างเข้มข้น เช่น WordPress หรือระบบที่ต้องการประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว Redis ช่วยลดเวลาการดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล ทำให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นและตอบสนองผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น

จุดเด่น

  • ลดเวลาการโหลดหน้าเว็บไซต์ ทำให้โหลดหน้าเว็บไซต์ได้เร็วขึ้น
  • ลดการประมวลผลที่ต้องใช้กับฐานข้อมูลหลัก
  • มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลที่ต้องการความเร็วสูง

เหมาะสำหรับ

  • เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
  • เว็บไซต์ข่าว
  • แพลตฟอร์มชุมชนหรือมีกระเานสนทนา

5. WP-Optimize  Clean, Compress, Cache

เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ WordPress แบบครบวงจร โดยให้บริการทั้งในด้านการทำความสะอาดฐานข้อมูล การบีบอัดรูปภาพ และการแคชหน้าเว็บ ซึ่งช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นและลดการใช้ทรัพยากรของเซิร์ฟเวอร์

จุดเด่น

  • ช่วยลดขนาดไฟล์ของรูปภาพโดยไม่ลดคุณภาพ ในรูปแบบ JPEG, PNG และ GIF
  • รองรับการแคชทั้งหน้าเว็บ

วิธีเลือก Cache Plugin ที่เหมาะกับคุณ

  1. เป้าหมายของเว็บไซต์
    • หากเว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหามากและต้องการการจัดการ Cache ที่ซับซ้อน ควรเลือก W3 Total Cache หรือ LiteSpeed Cache
    • หากต้องการปลั๊กอินที่ใช้งานง่ายและไม่ซับซ้อน WP Rocket หรือ Cache Enabler อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
  2. ประเภทของเซิร์ฟเวอร์
    • ใช้เซิร์ฟเวอร์ LiteSpeed ควรเลือก LiteSpeed Cache
    • สำหรับเซิร์ฟเวอร์ทั่วไปแนะนำ WP Rocket

Cache Plugin เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์ WordPress ของคุณโหลดเร็วขึ้น และช่วยปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งานได้เข้าถึงข้อมูลหน้าเว็ไบซต์อย่างรวดเร็วไม่รอนาน เราหวังว่า 5 Plugins ที่แนะนำในบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นทำเว็บไซต์หรือหาปลั๊กอินสำหรับการใช้งานได้อย่างดีและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด